25 จำนวนผู้เข้าชม |
1.ห้ามมองข้ามการเลือกเมล็ดกาแฟที่สดใหม่
กาแฟที่ถูกเปิดใช้งานเป็นเวลลานานเมล็ดกาแฟจะเสื่อมคุณภาพ เนื่องจากออกซิเจนและความชื้นในอากาศ จะเร่งให้เกิด “ออกซิเดชัน (oxidation)” ทำให้รสชาติและกลิ่นจะค่อยๆระเหยไป เมล็ดกาแฟคั่วควรถูกใช้ให้หมดภายใน 2–3 สัปดาห์หลังเปิด และควรเก็บในภาชนะปิดสนิท หลีกเลี่ยงแสงแดด ความร้อน และความชื้น
ดังนั้นจึงไม่ควรให้เมล็ดกาแฟสัมผัสอากาศนานเกินไป หรือใช้เมล็ดกาแฟที่หมดอายุ
2.ห้ามบดกาแฟทิ้งไว้นาน
ผงกาแฟที่สัมผัสกับอากาศนาน ๆ จะทำให้สูญเสีย “กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์” ของกาแฟ การบดเมล็ดกาแฟคั่วทิ้งไว้
ผงกาแฟจะมีพื้นที่สัมผัสกับอากาศมากกว่าหลายเท่า จึงทำให้กลิ่นระเหยไวมาก และหืนได้ง่าย
ดังนั้นบดกาแฟเสร็จแล้วควรชงทันทีเพื่อให้ได้รสชาติกาแฟที่สดใหม่
3.ห้ามใช้ผ้าเช็ดก้านสตรีมซ้ำโดยไม่เปลี่ยนหรือซักบ่อยๆ
ผ้าชื้นๆ ที่ใช้ซ้ำบ่อยๆ เป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย, เชื้อรา และกลิ่นไม่พึงประสงค์ ซึ่งสามารถแพร่กระจายมายังก้านสตรีมหรือแม้แต่เครื่องมืออื่นได้ง่าย ในร้านกาแฟมืออาชีพ บาริสต้าจะเปลี่ยนผ้าเช็ดก้านสตรีมอย่างน้อย ทุก 2–4 ชั่วโมง
และใช้ผ้าแยกสำหรับนมโดยเฉพาะ
4.ใช้เวลาในการสกัดสั้นหรือนานเกินไป
การสกัดกาแฟ (Brewing Time) ถ้าปล่อยให้น้ำสัมผัสกับกาแฟนานเกินไป (Over-extraction) ก็จะมีรสชาติขมฝาด
แต่เร็วเกินไป (Under-extraction) ก็สกัดรสชาติได้ไม่เต็มที่ ควรจับเวลาในการชงทุกครั้ง
เวลาสกัดที่เหมาะสมของเอสเพรสโซ่อยู่ที่ 25–30 วินาที โดยใช้แรงดัน 9 บาร์ ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลของ Specialty Coffee
5.ห้ามละเลยการทำความสะอาดอุปกรณ์ทุกวัน
อุปกรณ์ที่ไม่ทำความสะอาด จะมีคราบน้ำมันจากกาแฟตกค้าง
คราบพวกนี้จะออกซิไดซ์เมื่อเจออากาศและความร้อน ทำให้เกิด “กลิ่นเหม็นหืน” ที่จะไปแทรกในแก้วต่อ ๆ ไป
และบางคราบจะฝังแน่นหากไม่ล้างทันที การทำความสะอาดจึงเป็นเรื่องของทั้งคุณภาพและสุขอนามัย